กระติกน้ำร้อนขนาด 2.5 ลิตร 600 วัตต์ ถ้าเสียบปลั๊กทิ้งไว้วันละ 10 ชั่วโมง เสียค่าไฟเพิ่มขึ้นเดือนละ 90 บาท ถ้า 1 ล้านเครื่อง จะสิ้นเปลืองค่าไฟเดือนละ 90 ล้านบาท หรือปีละ 1,080 ล้านบาท หากต้มน้ำทีละครึ่งกระติก (คือ 1.25 ลิตร) จะประหยัดกว่าเมื่อต้มน้ำเต็มกระติก (2.5 ลิตร) ร้อยละ 46 ( คำนวณจากการใช้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่หน่วยละ 2.50 บาท)
ทำไมกระติกน้ำร้อนจึงสิ้นเปลืองพลังงาน เพราะการทำงานของกระติกน้ำร้อน เมื่อน้ำเดือดแล้ว วงจรไฟฟ้าจะตัดไฟและต่อเองโดยอัตโนมัติในทุกๆ 2 นาที สังเกตได้จากไฟสีส้ม (warm) จะสว่างเป็นระยะๆ ตราบเท่าที่ยังคงเสียบปลั๊กอยู่
คนส่วนใหญ่มักจะต้มน้ำโดยเติมน้ำให้เต็มกระติกน้ำร้อน แต่ต้องการน้ำร้อน (ชงกาแฟ) เพียงแก้วเดียว เรามาดูกันว่ากระติกน้ำร้อนขนาด 2.5 ลิตร 600 วัตต์ ใช้เวลาต้มน้ำให้เดือดกี่นาที เมื่อเติมน้ำเต็มกระติก ได้น้ำเดือดภายในเวลา 16 นาที ใช้ไฟฟ้า 0.163 หน่วย ค่าไฟ 0.40 บาท
เมื่อเติมน้ำครึ่งกระติก ได้น้ำเดือดภายในเวลา 9 นาที ใช้ไฟฟ้า 0.089 หน่วย ค่าไฟ 0.22 บาท
ต่อไปลองทำอย่างนี้
1. เลิกใส่น้ำเกินกว่าที่ต้องการใช้หรือใส่น้ำเต็มกระติกตลอดเวลา เช่น กาแฟ 1 แก้ว ควรใส่น้ำเพียง 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 ของกระติกน้ำร้อนก็เพียงพอ ใช้เวลาต้มน้ำไม่นาน (ประมาณ 5 นาที)
2. ถอดปลั๊กทันทีที่เลิกใช้ หากต้องการใช้ใหม่จึงเสียบปลั๊ก
3. อย่านำน้ำเย็น (น้ำในตู้เย็น) ไปต้มทันที ถ้าใช้กระติกน้ำร้อนเช่นนี้ 1 ล้านเครื่อง จะประหยัดไฟได้ถึง 180,000 บาท หรือมากกว่าต่อการต้มน้ำหนึ่งครั้ง
ถ้าคิดว่าค่าไฟเพิ่มขึ้น 90 บาทเอง ไม่มากเลย แต่คนอีก 30 ล้านคน (ครึ่งหนึ่งของประชากรไทย) คิดเหมือนกันจะสิ้นเปลืองค่าไฟกี่บาทกันละ
(ข้อมูลจาก สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน และ กฟภ.-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น